บริการรับเหมาถมที่ดิน

ผู้รับเหมาตัวจริงงานถมที่ดินในเขตกรุงเทพ

ข้อแตกต่างระหว่างการถมแบบอัดและการถมแบบไม่อัด

การถมดินในหน้าฝนนั้นเป็นงานอย่างหนึ่งที่ฝนพอจะมีประโยชน์ในงานการก่อสร้าง หรือจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น ก็ควรจะเป็นช่วงก่อน หน้าฝนซักหน่อย ฝนที่ตกลงมาจะช่วยทำให้ดินที่ถมลงไปนั้นอัดแน่นขึ้น ในส่วนของการถมดินเองแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
1. การถมแบบอัด คือการที่ถมดินไปทีละชั้น มีความหนา ควรจะชั้นละประมาณ ๒๐ – ๕๐ ซม. ขึ้นอยู่กับลักษณะดิน และการกำหนด ของผู้ออกแบบ แล้วก็บดอัดให้แน่นทีละชั้น หมดไปชั้นหนึ่งค่อยถมดินต่อ แล้วก็บดอัดอีก ทำแบบนี้จนกว่า จะได้ระดับตามที่เรา ต้องการ การถมแบบนี้จะได้ดินที่อัดแน่นดี มีการทรุดตัวน้อย
2. การถมแบบไม่อัด คือถมให้เต็มไปหมดทั้งพื้นที่ในคราวเดียว แล้วก็ค่อยบดอัดเฉพาะด้านหน้าผิวดิน การถมลักษณะนี้ ใช้ในการ ถมดิน ที่ไม่ต้องการ ความสูงมากนัก เพราะถ้าเป็นการถมดินค่อนข้างลึกเกินกว่า ๑.๐๐ เมตร การถมแบบไม่อัดนี้ มักจะมีปัญหา การทรุดตัว เป็นหลุมเป็นบ่อ ให้เห็นทีหลังได้ แต่ในการก่อสร้างบ้านนั้น โดยทั่วไปเกือบจะทั้งหมด ของโครงสร้างบ้าน จะถ่ายน้ำหนัก บน ฐานราก มีเสาเข็มเป็นส่วนรับน้ำหนัก และถ่ายน้ำหนักลงชั้นดิน ซึ่งสามารถ ตอกเข็มลึกลงไปจาก ชั้นผิวดินเดิมได้ จึงไม่เกี่ยวข้องกับ ระยะเวลา ที่เราถมดินใหม่ หรือต้องรอให้ดินทรุดตัว อัดแน่นเสียก่อน เว้นแต่เป็น โครงสร้างแบบบ้านแผ่ หรือในส่วนของอาคารที่ถูก ออกแบบ ให้วาง และถ่ายน้ำหนัก โดยตรงลงบนพื้น (Slab on Ground) อย่างเช่น โรงรถหรือถนน และ ทางเท้า ซึ่งจำเป็นต้องมีการบดอัดดินที่ถม ให้แน่น จนแน่ใจว่า ไม่มีการทรุดตัวเสียก่อน จึงจะลงมือก่อสร้าง และถ้ารักจะปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ ที่มีรากชอนไชลงไปลึก ๆ ก็ต้องพยายาม ถมดินมากกว่าถมทรายขี้เป็ด อาจถมยากหน่อย ทรุดตัวมากหน่อย ถ้ามีเวลารอก็จะคุ้ม แต่ถ้าไม่ต้องการปลูกต้นไม้ใหญ่ ๆ อาจจะเลือกถมดิน ในส่วนผิวหน้าก็พอ ในส่วนของดินที่ต้องการ ปลูกต้นไม้ นั้นถ้าเป็นไปได้ควร เลือกใช้ดินที่มีสีออกคล้ำ ๆ ที่เรียกว่า หน้าดิน เพราะเป็นดินที่มีฮิวมัส และบรรดาแร่ธาตุต่าง ๆ เหมาะสำหรับ การปลูกพืชต่าง ๆ คิดจะถมดินแล้ว มีปัจจัยอะไรที่ต้องคำนึงกัน บ้างในการถมดินนั้น สถานที่ที่ต่างกัน ลักษณะของการถมดินที่ต่างกัน ราคาค่าถมดินนั้นก็ย่อมจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายอย่าง เพราะฉะนั้น ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจถมดิน นอกจากท่านจำเป็นต้องคำนึงถึง งบประมาณของท่าน แล้วควรพิจารณา ปัจจัยอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วยดังนี้
1. ชนิดของดิน
1.1 หน้าดิน ชั้น A-horizon : zone of leaching โดยลักษณะทั่วไปแล้วหน้าดินที่มีระดับตั้งแต่ระดับความลึก 0-0.50 ม. บางที่ก็ถึง1.00 ม. มักจะเป็นราคาแพงที่สุด เนื่องจากเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์จะมีสีดำคล้ำๆ เหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้
1.2 ชั้น B-horizon : zone of accumulation ชั้นดินลึกกว่าชั้น A ลงไป ดินออกสีน้ำตาลๆ มีทรายปน ราคาจะถูกลง เพราะแร่ธาตุในดินจะน้อย ถมที่ดีแต่ไม่เหมาะจะปลูกต้นไม้
1.3 ชั้น C-horizon : partially decomposed parent material ชั้นลึกลงไปมากๆ จนดินออกเป็นสีขาวๆ จะปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย แต่นำมาใช้ถมได้ดีเพราะราคาถูกที่สุด
เพราะฉะนั้นในการเลือกดินที่จะถม ควรจะต้องพิจารณาด้วยว่า ท่านมีความประสงค์ที่จะนำดินไปใช้ประโยชน์อย่างไร และงบประมาณที่มีมากหรือน้อยเท่าใด
2. ลักษณะการถมดิน ถ้าใช้รถตัก-ตักดินแล้วเอามากอง ๆ ไว้ ดินจะดูเต็มเร็วแต่ดินจะไม่แน่น และจะทรุดตัวในภายหลังอย่างมากด้วย (ยิ่งถ้าเป็นงานเหมาถมดิน ควรที่จะต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก ต้องมีคนคอยดูที่หน้างาน) ถ้าถมดินในลักษณะ ถมแล้วใช้รถบรรทุกถอยทับ ดินจะแน่นขึ้น จะได้ดินปริมาณมากและทรุดตัวในภายหลังน้อย อาจจะต้องทำการตกลงว่า จะถมอย่างเดียว หรือบดอัดด้วย ครับ
3. การขนส่งและราคาค่าขนส่ง มักจะเกี่ยวเนื่องกับระยะทาง ระหว่างบ่อดินที่เราซื้อดินมากับสถานที่ที่จะถมดิน ยิ่งไกลก็ยิ่งแพง ยิ่งในเขตตัวเมืองที่รถบรรทุกเข้าถึงได้ลำบาก อาจต้องจ่ายค่าอำนวยความสะดวกในการผ่านทางบ้าง ก็ทำให้ราคาค่าถมดิน แพงขึ้นได้อีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น